workpoint

ในช่วงระยะ 2- 3 ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงปี 2566 ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายต่อการดำเนินกิจการของบริษัทเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจในประเทศยังคงต้องเผชิญต่ออุปสรรคต่างๆ มากมายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม อันเป็นผลต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) รวมไปถึงความขัดแย้งทางการเมืองและสงครามระหว่างประเทศต่างๆ ส่งผลให้การอุปโภคและบริโภคชะลอตัว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้การใช้เม็ดเงินโฆษณาในประเทศผ่านสื่อโทรทัศน์ซึ่งเป็นสื่อโฆษณาหลัก มีอย่างจำกัดและปรับตัวลดลงมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2566 นั้น จากข้อมูลของ AC NIELSEN ระบุว่าการใช้สื่อโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์นั้นลดลงถึงกว่าร้อยละ 3 จากปี 2565

อย่างไรก็ดี แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าลงทุนและพัฒนากลุ่มธุรกิจต่างๆ ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนของกลุ่มธุรกิจรายการโทรทัศน์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทนั้น ในปี 2566 บริษัทได้สร้างสรรค์และพัฒนารายการใหม่ขึ้นหลายรายการ อาทิเช่น “The Masterpiece เวทีบันลือโลก”, “FANDOM แฟนด้อมพันธุ์แท้” และ “แฟนฉันวัดป่ะล่ะ” เป็นต้น
ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนขยายประเภทรายการไปยังกลุ่มละครเพิ่มเติมเพื่อขยายฐานผู้ชม
โดยละครหลายเรื่องที่ได้ออกอากาศในปี 2566 นั้นเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีทั้งในกลุ่มผู้ชมทางช่องทางโทรทัศน์และช่องทางออนไลน์แพลทฟอร์มต่างๆ ทั้งนี้ นอกเหนือการดำเนินงานตามปกติของกลุ่มธุรกิจรายการโทรทัศน์ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มธุรกิจรายการออนไลน์โดยเข้าลงทุนในบริษัท โคตรคูล จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการขยายกธุรกิจไปยังกลุ่มรายการออนไลน์ต่างๆ ให้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นอกจากพัฒนาการต่างๆ ของกลุ่มธุรกิจประเภทรายการตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้ลงทุนจัดงานคอนเสิร์ตศิลปินชั้นนำจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ซึ่งคอนเสิร์ตทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในด้านการบริหารจัดการและระบบแสงสีเสียงต่างๆ ที่ได้มาตรฐานระดับสากล โดยคอนเสิร์ตสำคัญๆ ที่บริษัทได้จัดขึ้นในปี 2566 นั้น ได้แก่ คอนเสิร์ต WORLD TOUR JAY B TAPE: PRESS PAUSE ENCORE IN BANGKOK และ คอนเสิร์ต ENHYPEN WORLD TOUR 'MANIFESTO' in BANGKOK เป็นต้น
นอกจากการลงทุนและพัฒนากลุ่มธุรกิจต่างๆ แล้วนั้น บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนของสังคมและชุมชนควบคู่กัน โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทร่วมด้วยมูลนิธิ “เวิร์คพอยท์เพื่อการกุศล” ได้จัดกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น โครงการ “คนไทยช่วยคนไทย” เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจโดยมอบเครื่องผลิตออกซิเจนอัตโนมัติจำนวน 110 เครื่อง ให้แก่โรงพยาบาลกว่า 17 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้ง ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านการศึกษาของเยาวชน โดยเนื่องในโอกาสครบรอบ 34 ปีของบริษัทในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มอบทุนการศึกษา เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬา และสิ่งของอื่น ๆ ที่จำเป็นให้แก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเติมเต็มโอกาสและลดช่องว่างด้านการศึกษาอีกด้วย
โอกาสนี้ ในนามของคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนของบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผมใคร่ขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ สถาบันการเงิน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ที่มอบความไว้วางใจและมีส่วนในการสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่าบริษัทจะมุ่งมั่นทุ่มเทในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมภายใต้หลักจริยธรรมและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนสืบไป